เทคโนโลยีการสื่อสาร



     นาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch)




สมาร์ทวอทช์ ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นนาฬิกาที่ทำอะไรได้มากกว่าการบอกเวลา โดยเป็นนาฬิกาที่มีกล้องถ่ายรูป สามารถตอบรับสายโทรศัพท์เรียกเข้าได้ สามารถรับส่งอีเมลล์หรือเชื่อมต่อกับSocial Networkต่าง ๆ เช่น Facebook  TwiterInstargram ได้ รวมถึงความสามารถในการลงแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมต่าง ๆ อีกมากมาย
นาฬิกาอัจฉริยะ ส่วนใหญ่ เป็นหน้าจอสัมผัส สามารถเลือกคำสั่งต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น  รับข้อความ แจ้งเตือน SMS , ข้อความจาก Social Network  แจ้งเตือนปฏิทินงาน ได้เหมือนกับบนสมาร์ทโฟน สามารถควบคุมการเล่นเพลงบนสมาร์ทโฟนได้  และบางรุ่นสามารถ สั่งงานด้วยเสียง มีโหมดถ่ายรูปได้ด้วย แถมส่งสติ๊กเกอร์ Line ได้อีก
ซึ่งส่วนใหญ่ นาฬิกาอัจฉริยะที่ขายในตลาดไทย ทำงานร่วมกับ Android  แต่ก็มีบางแบรนด์ที่สามารถทำงานบน iOSและ android เช่น  Pebble  ,  i’m  watch และ Cookooแต่ไม่รองรับภาษาไทย และขายในต่างประเทศซะส่วนใหญ่

Smart Watch  หรือนาฬิกาอัจฉริยะ  เป็นนาฬิกาที่สามารถ ใช้งานได้หลายอย่าง เช่น โทรศัพท์ เครื่องคิดเลข,  แผนที่เก็บข้อมูลการเดิน  วัดการเต้นของหัวใจ  วัดกิจกรรมการวิ่งออกกำลังกาย  รีโมทคุมเพลง ถ่ายรูปได้  และต่อไปก็จะทำอะไรได้มากกว่านี้ ซึ่งการทำงานของ Smartwatchนั้นโดยทั่วไปยังจะต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth   แต่ บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อผ่าน NFC ได้  อย่าง Sony Smartwatch 2 เป็นต้น


              ความหมายของแอนดรอยด์ (Android)
                        
แอนดรอยด์ (Android) หมายถึง ระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์ มือถือ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (Tablet Computer) และเน็ตบุ๊ก (Net book) โดยทำ งานบน ลินุกซ์เคอร์เนล (Linux Kernel)  เริ่มพัฒนาโดยบริษัทแอนดรอยด์ (Android Inc.) จากนั้นบริษัทแอนดรอยด์ถูกซื้อโดยบริษัทกูเกิล (Google) และนำแอนดรอยด์ ไปพัฒนาต่อภายหลังถูกพัฒนาในนามของ Open Handset Allianceทางกูเกิล (Google) ได้เปิดให้นักพัฒนาสามารถแก้ ไขโค้ด (Code) ต่างๆ ด้วยภาษาจาวาและควบคุมอุปกรณ์ผ่านทางชุด Java libraries ที่กูเกิล (Google) พัฒนาขึ้น

ข้อดี VS ข้อเสีย ของ Android!
ข้อดีของ Android
1. ความเข้ากันได้ระหว่างมือถือกับระบบ: ด้วยความที่เป็นOpen-Source ทำให้ค่ายมือถือสามารถหาทางออกร่วมกันในแง่ข้อกำหนดขั้นต่ำที่จะใช้Android และด้วยความที่เป็น Open-Source จึงมีคนเริ่มดัดแปลงให้ใช้กับNetbook ได้ด้วย
2. ราคา: Open-Source ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้ แถมยังเข้ากันได้กับตัวเครื่องเนื่องจากร่วมกันผลิต ดังนั้นต้นทุนผลิตจึงต่ำ และตัวแอนดรอยด์ (ไม่รวมราคาของเครื่องที่ใช้) ถูกกว่าosของ iphone
3. เราสามารถพัฒนาเองโดยไม่ต้องส่งคืนไปให้ที่บริษัทแม่ในต่างประเทศ เหมือนเทคโนโลยีอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นระบบเปิด จึงสามารถพัฒนาได้เอง ในส่วนของซอฟต์แวร์ภายในเครื่องนั้น 90% จากต่างประเทศและอีก10% เป็นของคนไทย โดยใช้ platform android ที่สามารถพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างแทบไม่มีขีดจำกัด ตัวพัฒนาโปรแกรมใน android (SDK) นั้นสามารถโหลดมาใช้ได้ฟรีๆ และไม่ได้มีข้อจำกัดเหมือน iphoneที่เวลาโอนถ่ายข้อมูลระหว่างโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ต้องต่อสายและโอนข้อมูลผ่านituneเท่านั้น
4. หากเทียบกับ iphoneแล้ว Androidเน้นในเรื่องการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย สามารถตกแต่งได้ตามใจชอบมากกว่า
5. สามารถใช้งานด้วยนิ้วได้สะดวกและลื่นไหล
6. สามารถทำงานได้เร็วกว่า windows mobile เร็วพอๆกับ iphoneในมาตรฐานราคา licencesที่เท่ากัน


ข้อเสียของ Android
1. เนื่องจากเป็นน้องใหม่ในตลาด โปรแกรมที่จะใช้ได้กับระบบยังไม่เยอะ มีโปรแกรมเสริมให้เลือกน้อย การพัฒนาอาจจะล่าช้ากว่า commercial software เมื่อระบบพัฒนาถึงจุดๆหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับผู้ใช เนื่องจากผู้ใช้คงไม่ได้อัพเกรดระบบซักเท่าไหร่นัก
2. Process:เราไม่สามารถปิดProcess เองได้ ถ้าเปิดโปรแกรมอะไรขึ้นมามันจะรันอยู่อย่างนั้นตลอดซึ่งจะทำให้เครื่องช้าลงเรื่อยๆ ต้องมาลงโปรแกรม Task Manager คอยปิด Process ทำให้ยุ่งยากมากขึ้น
3. เมื่อเทียบกับ Window Mobileในแง่ความแพร่หลายของโปรแกรมการใช้งานGPS และการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ที่เป็น Windowsแล้ว Android ยังสู้ไม่ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งการใช้งานร่วมกับภาษาไทยยังไม่รู้ว่าจะทำได้ดีขนาดไหนอีกด้วย
4. ใช้งานยากเพราะเมนูซับซ้อน ต้องทำความเข้าใจก่อน
5. ต้องต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาจึงจะใช้ฟังก์ชันได้เต็มที่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เครื่องจักรกล NC CNC DNC

หุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

ประวัติส่วนตัว